วันเสาร์ที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

จัดทีมฟุตบอลแข่งไทคัพ ปี 2554............

                 วันสองวันนี่ไม่ได้เขียนบทความ......เพราะสาระวนอยู่กับการเฟ้นหาตัวนักกีฬาฟุตบอลอาวุโสไทคัพ............ประจำปี 2554  ซึ่งถึงปัจจุบันนี้ก็ใกล้จะครบลงตัวหมดแล้วครับ   ขาดอยู่อีก 2 - 3 คนเท่านั้นก็จะสมบูรณ์แบบแล้วครับ 
ขออธิบายความเป็นมาของการแข่งขันกีฬาฟุตบอล "ไทคัพ"   เท่าที่ผมพอจะทราบเป็นสังเขป ดังนี้ครับ
ทางกระทรวงการท่องเที่ยวและการกีฬา  ได้สนับสนุนการแข่งขันกีฬาท้องถิ่นหลายประเภทระดับชาวบ้าน ไม่ว่าจะเป็นฟุตบอล ตะกร้อ เปตอง วอลเล่ย์บอล และอื่นๆ ที่คนไทยนิยมเล่นกันอยู่ในปัจจุบัน    โดยส่งเสริมแบบมีการให้รางวัลมีการแข่งขันกันระดับอำเภอ.....จังหวัด.......ระดับภาค....และถึงระดับชิงแชมป์ประเทศไทย
  
ในส่วนของกีฬาฟุตบอล มี 2 รุ่น คือรุ่นเด็กๆทั่วไป   กับรุ่นอาวุโส   สำหรับรุ่นที่ผมสนใจคือรุ่นอาวุโสกำลังจัดทีมเข้าไปร่วมการแข่งขันมีรายละเอียดดังนี้
1.คำว่าอาวุโสต้องมีอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป  แบ่งกลุ่มอายุสำหรับผู้เล่นขณะแข่งขันในสนามดังนี้
-ประตู   1  คน  อายุ  40 ปี ขึ้นไป
-กลุ่มอายุ 40 - 44  จำนวน  3  คน
-กลุ่มอายุ 45 - 49  จำนวน  4  คน
-กลุ่มอายุ 50 ปีขึ้นไป  จำนวน  3  คน
รวมเป็น  11  คนในสนาม


พิธีเปิดและปิด คราวเดียวกัน..ที่วานรนิวาส.......
ตอนนี้ผมขาดตัวผู้เล่นกลุ่มอายุ 40 ปี จำนวน 1 คน และกลุ่มอายุ 45 ปี จำนวน 1 หรือ 2 คนก็ได้ สำหรับกลุ่ม 50 ปี มีเยอะแยะเกินความต้องการแล้วครับ
คราวนี้โชคดีหน่อย....มีคุณหนึ่ง(ผู้ชายชื่อหนึ่ง)ซึ่งเพิ่งจะรู้จักกันประมาณ 2 เดือน เข้ามาช่วยซ้อมทีมและสนันสนุนเสื้อนักกีฬาให้ 1 ทีม  ก็ช่วยทุ่นค่าใช้จ่ายของผมไปได้บ้างพอสมควร   
นักกีฬาของผมส่วนมากเกินครึ่งก็จะเป็น จนท.ตร. สภ.วานรนิวาส กับสภ.ศรีวิ
ชัย เพื่อนบ้าน ที่เหลือก็จะเป็นเพื่อนๆเอกชนที่เคยร่วมเล่นร่วมซ้อมกันอยู่เป็นประจำครับ    ของผมไม่เน้นคนเก่งแต่เน้นคนที่ขยันซ้อมมีพละกำลังเหลือเพือและเป็นคนง่ายๆประเภทชวนปุ๊บก็ไปปั๊บไม่มีปัญหาครับ
วันนี้ตอนสายๆ   กะว่าจะพามายเดียร์ไปช้อบปิ้งซื้อของที่ห้างเทสโก้ โลตัส สาขาอำเภอสว่างแดนดินซักกะหน่อย....ระหว่างทางผ่าน อ.เจริญศิลป์ คิดว่าจะลองแวะไปคุยกับเจ้าพล ซึ่งเป็นคนวานรแต่ไปทำมาค้าขายที่นั่นเพื่อทาบทามนักกีฬามาสัก 2 คน คือรุ่น 40 ปี คิดว่าจะชวน ส.ท.(จำชื่อไม่ได้)ซึ่งถนัดเท้าซ้ายและมีความเร็วเป็นเลิศมาเป็นศูนย์หน้า กับชวนเจ้าพลซึ่งอยู่ในกลุ่ม 45 ปี มาเสริมแดนกลางซักกะหน่อย  คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหา......ครับ
ถ้วยแชมป์.........
สำหรับการแข่งขันเท่าที่สอบถาม จนท.กีฬาประจำอำเภอวานรนิว่าส ทราบว่าจะจัดประมาณกลางเดือน ส.ค.นี้แหละครับ มีเวลาฝึกซ้อมประมาณ ครึ่งเดือนคร้าบ  สำหรับพวกผมซึ่งส่งแข่งขันในนาม"ทีมหนุมาน เอฟซี " เน้นความสามัคคีเป็นหลัก เน้นการรวมตัวกันออกกำลังกาย และความเป็นสุภาพบุรุษเป็นสำคัญ .....ไม่ได้เน้นการเป็นแชมป์หรือเล่นแบบเอาเป็นเอาตาย สำหรับการเถียงกรรมการนั้นทีมของพวกผมไม่มีแน่นอนครับ  .....ถือว่าอายุขนาดนี้แล้วการเถียงกรรมการเป็นการผิดมารยาทอย่างใหญ่หลวงค้าบบบบ
เอาละครับพอก่อน  ตีห้ากว่าแล้ว ( 30 ก.ค.54) เดี๋ยวจะไปร่วมวิ่ง 5 ก.ม.กับเพื่อนๆ ที่หน้าที่ทำการเทศบาล ซักกะหน่อย   เสาร์นี้ทางเทศบาลตำบลวานรนิวาส เป็นเจ้าภาพจัดอยู่ใกล้บ้านคร้าบบบบบบบบบบบบบบ
ท่าสวย...............มือหนึบ...........



วันพุธที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

หาภาพมาลงเล่นๆ........


                 วันนี้( 27ก.ค.54 )  นึกไม่ออกว่าจะเขียนอะไร...ชีวิตก็เดิมๆ............เช้าตรวจตู้ยาม....ตรวจการจราจร.....เซ็นหนังสือสั่งงาน.................ตรวจแฟ้มโรงพักเพื่อประชาชน............ตรวจธนาคาร ร้านทอง
มินิมาร์ท..............บ่ายฝึกตำรวจ.............เย็นประชุม( ผกก.เรียกประชุมไม่มีอะไรใหม่)....

ลูกบอลกำลังมา........................ระวัง.......

   ผมก็เลยจะลองค้นหาภาพที่มีอยู่ในเครื่องคอม......มาลงเล่นๆดูเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ....จะเป็นภาพอะไรติดตามดูเลยคร้าบบบบบบบบบ........







ทีม ตร.วานรนิวาส ประมาณ พ.ศ.2549

ป๋า ยอ  กับถ้วยชนะเลิศ..............




ที่สนามกีฬากลางวานรนิวาสกับลูกชาย......



เบื้องหลัง............ตาข่าย...............

เมื่อวานมีรถชนกัน...........

                    เมื่อวานนี้(26 ก.ค.54) ตอนเย็นๆ ช่วงที่ผมกำลังพากันซ้อมฟุตบอลเล่นกันอยู่ที่หน้าโรงพัก..........ก็ได้ยินเสียงดัง  " โครม "  1 ครั้ง   ดังสนั่นหวั่นไหวมาจากทางหน้าที่ทำการสาธารณสุขอำเภอ....ห่างจากสนามบอลประมาณ 100 เมตร...........จึงพากันรีบไปดู..เห็นคู่กรณี เป็นรถยนต์เก๋ง   1  คัน  มีคุณหมอ (พยาบาล) ยังแต่งชุดพยาบาลอยู่เลย เป็นคนขับ  และรถจักรยานยนต์ 1 คัน  คนขับเป็นนักเรียน ร.ร.มัธยมวานรนิวาส นอนแอ้งแม้งอยู่ใกล้ๆกับรถ จยย. มีเลือดไหลออกมาจากปากและจมูก......จึงรีบตรวจสอบอาการเบื้องต้น....พบว่า 1.ไม่มีกระดูกส่วนใดหัก  2.สติสัมปชัญญยังดีอยู่สามารถต้อบโต้ทางภาษากายได้  ...ดังนั้นจึงพากันรีบนำตัวขึ้นรถโล่ตำรวจ....นำส่ง รพ.วานรนิวาสโดยด่วนก่อน.........ร้อยเวรสอบสวนก็มาทำการสอบสวนตรวจที่เกิดเหตุเรียบร้อย.......เคลีย์พื้นที่จัดการจราจรเป็นปกติแล้วพวกผมจึงพากันกลับไปเล่นฟุตบอลต่อ........
                    คำว่าคุณหมอ ในต่างจังหวัดหรือในภาคอีสาน...ต้องระวังให้ดีนะครับ...บางครั้งชาวบ้านจะเรียกคุณพยาบาล หรือคนที่ทำงานเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลว่าคุณหมอหมดเช่นเดียวกับเรียกนายแพทย์ว่าคุณหมอ...ถ้าไม่แต่งเครื่องแบบก็แยกไม่ออกเหมือนกันว่าใครเป็นพยาบาลหรือสาธารณสุขใครเป็นนายแพทย์ ...นับว่ามีศักดิ์และศรีเท่าเทียมกันครับ.......คงจะติดปากมาตั้งแต่สมัยโบราณเพราะนายแพทย์ไม่ค่อยจะมีจึงพากันให้เกียรติคนที่ช่วยดูแลรักษาตนเองว่าคุณหมอ.....
                     อุบัติเหตุไม่เข้าใคร...ออกใครนะครับ....ย่อมเกิดขึ้นได้ทุกเวลา....ไม่มีใครเก่งเกินกันหรอกครับ....เพียงแต่ว่าใครจะใช้ความระมัดระวังมากกว่ากันเท่านั้น.....ใครระมัดระวังมากกว่า....อายุก็จะยืนยาวกว่า .....   เพราะจากตายก็จะแค่บาดเจ็บ......จากเจ็บมากก็จะแค่เจ็บน้อย..จากเสียหายมากก็จะเพียงนิดหน่อย..จากหนักก็จะเป็นเบา.......ขอให้ทุกคนระวังให้เต็มที่เลยนะคร้าบบบบบบ............
                    นี่ก็ตี  5 แล้ว พอก่อนครับ เดี๋ยวจะไปตรวจการทำงานของผู้ใต้บังคับบัญชาสักหน่อย.......



อันตรายมากครับ...........เกิดเหตุมาตายหมู่.......



เสียหาย...หลายแสน..........

วันอังคารที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ฝึกตำรวจ..........

                ตื่นเช้า.....ไปตรวจดูผู้ใต้บังคับบัญชาที่จุดตรวจนิวาสเสร็จ................ก็ให้อาหารปลาที่สระหลังบ้าน.............เลี้ยงมาได้ประมาณเกือบ 2 เดือน แล้วครับ..........มีปลาดุก   ปลาตะเพียน   ปลานิล    ปลานวลจันทร์    ปลาปุ้มปุ้ย   ปลาสลิด   ครับ........จากนั้นก็อาบน้ำแต่งเครื่องแบบไปตรวจการจัดการจราจรในช่วงเช้า.........ผมจะไปยืนประจำอยู่หน้า ร.ร.บ้านวานร ซึ่งเป็นโรงเรียนระดับประถม...คอยพาเด็กๆนักเรียนข้ามถนนครับ.............ส่วน จร.ทั้งหมด 6 นาย   ก็จะกระจายกันอยู่ตามทางร่วมทางแยกต่างๆหมุนเวียนกันไปตามตารางเวรครับ............
               สายหน่อยก็พาผู้ใต้บังคับบัญชาตั้งจุดตรวจตามหน้าที่ ใช้เวลาไม่นานครับ เพียง 1 ชม.ก็พอแล้ว เพราะพวกเราปฏิบัติกันอยู่ทุกๆวัน หากใช้เวลานานไปประสิทธิภาพในการทำงานจะไม่มีครับ...........
               เสร็จจากตั้งจุดตรวจก็ออกตรวจธนาคาร-ร้านทอง-มินิมาร์ท  ซึ่งเป็นจุดเสี่ยงที่จะเกิดเหตุชิง-ปล้นได้ง่าย...............จากนั้นก็พักผ่อน.........จนเวลา 15.00 น.ก็แต่งชุดฝึกครึ่งท่อนหมวกทรงหม้อตาล............ไปทำการฝึกตำรวจ  ซึ่งจะมีการฝึกกันเป็นประจำทุกสัปดาห์  แต่ช่วงนี้ทาง สภ.วานรนิวาส ได้รับคัดเลือกให้เป็นตัวแทนจังหวัดไปประกวดการฝึกระดับภาค จึงต้องฝึกถี่หน่อยครับ  สัปดาห์ละ 3 วัน คือ อังคาร-พุธ-พฤหัสบดี ครับ...........
               ฝึกเสร็จก็มานั่งพิมพ์บทความหน้าคอมนี่แหละครับ......เสร็จแล้วก็จะไปเล่นฟุตบอลกับเพื่อนๆ ซึ่งโทรนัดหมายกันไว้แล้วที่โรงพักคร้าบบบบ.................ไปก่อนละครับบบบบบบ........



 
ออกตรวจ...............




การฝึก.............

วันอาทิตย์ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

โรงพักเพื่อประชาชน...พ.ศ.2553-2554

                     วันนี้ได้ไปตรวจจุดตรวจที่ตู้ยามนิวาส  ซึ่งตั้งอยู่หน้าที่ทำการไปรษณีย์   ได้มีโอกาสลองตรวจสอบ......สอบถามผู้ใต้บังคับบัญชานายหนึ่ง  ยศดาบตำรวจ..............ผมถามว่าตามที่ท่าน พล.ต.อ.วิชียร พจน์โพธิ์ศรี  ผบ.ตร.ของพวกเรา ได้รับตำแหน่งแล้วท่านมีนโยบายให้ลูกน้องของท่านทำงานตามโครงการโรงพักเพื่อประชาชนอย่างไรบ้าง....เอาที่จำได้มาสัก ข้อ สองข้อ   หรือนิดๆ หน่อยๆ ก็ได้....ทราบไหมครับพี่น้อง   คำตอบที่ผมได้ยินคือ...."ไม่ทราบ ครับ".....

                    ผมไม่แปลกใจเลยครับที่พี่น้องประชาชนไม่ชอบตำรวจ............หรืออาจจะใช้คำว่าเกลียดตำรวจ.........ซะเป็นส่วนมาก....ก็เพราะแม้แต่นโยบายที่พวกเราจะต้องปฏิบัติซึ่งสั่งการลงมาจากผู้บังคับบัญชาชั้นที่สูงที่สุดของพวกเรา....ผู้ใต้บังคับบัญชาที่เป็นตำรวจซึ่งทำหน้าที่สายตรวจและอยู่ใกล้ชิดติดกับประชาชนมากที่สุดยังพากันไม่ทราบ........แล้วพวกเราตำรวจจะพากันทำงานเป็นระบบ...หรือมีแนวคิดไปในทิศทางเดียวกันทั้งประเทศได้อย่างไร....เอ๊า....ช่วยกันปรับปรุงแก้ไของค์กรหน่อยพวกเรา...ช่วยกันคนละไม้....คนละมือ.....คาดว่าอีกไม่นานคงจะสำเร็จ....คร้าบบบบบบบบ....

                    "บริการดุจญาติ   พิทักษ์ราษฎร์ดุจครอบครัว"............สโลแกนนี้ได้ยินแล้วก็สามารถทราบและเข้าใจได้อย่างง่ายๆว่าต่อแต่นี้ไป.....ตำรวจเราจะต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองใหม่....เปลี่ยนวิธีคิด...เปลี่ยนวิธีปฏิบัติ...และเปลี่ยนวิธีให้คุณค่า  เสียใหม่   หรือที่เราเรียกกันว่า .....เปลี่ยนพาราดามนั่นแหละครับ........

                     ผมจึงขอถือโอกาสนี้นำคู่มือการปฏิบัติงานตามโครงการโรงพักเพื่อประชาชน มาลงไว้ให้ได้ศึกษาเป็นแนวทางการทำงานของตำรวจไทย.... และเพื่อที่ประชาชนจักได้รับรู้รับทราบถึงแนวทางการทำงานดังกล่าวอีกทางหนึ่งด้วยคร้าบบบบบบบบบบบบบ....

..................................................................................................................................
คู่มือการปฏิบัติ
โครงการสถานีตำรวจเพื่อประชาชน
(โรงพักเพื่อประชาชน) ระยะที่ ๓
ตามนโยบายเร่งด่วน  ๖ เดือนแรก ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

๑. นโยบายของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
                   เมื่อวันที่ ๗ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๓ พลตำรวจเอก วิเชียร  พจน์โพธิ์ศรี ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ประกาศนโยบายผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ออกเป็น ๔ ระยะ คือ ๑. นโยบายเฉพาะหน้าที่ต้องการให้เกิดผลทันทีและต่อเนื่อง ๒. นโยบายเร่งด่วน (ระยะ ๖ เดือน) ๓. นโยบายสำคัญภายในระยะ ๑ ปี และ ๔. นโยบายภายในระยะ ๓ ปี ซึ่งจากสถานการณ์ในรอบปีที่ผ่านมา คดีอาญาที่เกิดขึ้นมักจะมีความรุนแรง ซับซ้อน สร้างความสูญเสียสูง และปัญหาอาชญากรรมเฉพาะเรื่อง เช่น ปัญหาการล่วงละเมิดสถาบัน ความขัดแย้งทางการเมือง การกลับมาแพร่ระบาดของยาเสพติด และปัญหา        สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมทั้งการปฏิบัติตนไม่เหมาะสมของข้าราชการตำรวจบางราย ส่งผลต่อความไม่เชื่อมั่น ศรัทธา ในการปฏิบัติของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดังนั้น การดำเนินการตามโครงการสถานีตำรวจเพื่อประชาชน (โรงพักเพื่อประชาชน) ระยะที่ ๓ ให้เกิดผลสำเร็จเป็นรูปธรรมนั้น จึงได้กำหนดไว้ในนโยบายเร่งด่วน ดังนี้
                    นโยบายเร่งด่วน (ระยะ ๖ เดือน) “ปัดกวาดบ้าน ร่วมใจพัฒนา”
                    โดยเร่งรัดดำเนินการภายในระยะเวลา ๖ เดือน เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทางปฏิบัติ
                   ๑.๑ ปรับปรุงพัฒนาการปฏิบัติงานของสถานีตำรวจ
                          ให้เป็นที่พึ่งของเพื่อนประชาชนอย่างแท้จริง สถานีตำรวจถือเป็น “จุดแตกหัก” ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่มีภารกิจ บทบาทหน้าที่สัมผัสใกล้ชิดและให้บริการประชาชนโดยตรง ทั้งนี้จะเน้นที่การปรับปรุงข้าราชการตำรวจ และระบบการปฏิบัติงาน โดยคำนึงถึงประชาชนผู้รับบริการเป็นหลักให้มีประสิทธิภาพ โดยอาศัย กฎ ระเบียบ ขั้นตอนการปฏิบัติงานและแนวทางการปฏิบัติตาม “โครงการสถานีตำรวจเพื่อประชาชน” ให้ยึดถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ซึ่งมีกิจกรรมดำเนินการทั้งตัวข้าราชการตำรวจและระบบการให้บริการ ดังนี้ “กิริยาวาจาสุภาพ ยิ้มแย้มแจ่มใส พร้อมใจช่วยเหลือ ไม่อยู่เหนือกฎหมาย ขยายบริการ ทำงานว่องไวใส่ใจประชาชน”  
                          ๑.๑.๑ กิริยาวาจาสุภาพ ยิ้มแย้มแจ่มใส
                                    ข้าราชการตำรวจของสถานีตำรวจทุกนาย ต้องแสดงกิริยาวาจา และมีท่าทาง   ที่สุภาพ และมีบุคลิกภาพที่เป็นมิตร แต่งกายถูกต้องตามระเบียบ มีจิตใจที่พร้อมในการให้บริการประชาชน ทั้งในและนอกสถานีตำรวจ

-๒-

                          ๑.๑.๒ พร้อมใจช่วยเหลือ
                                    เมื่อประชาชนมาแจ้งความร้องทุกข์ มาพบหรือร้องขอความช่วยเหลือ หรือข้าราชการตำรวจผู้ใดก็ตามที่ประสบเหตุจะต้องแก้ไขปัญหา อำนวยความสะดวก หรือประสาน       การปฏิบัติในเบื้องต้นให้แก่ประชาชนทุกกรณีด้วยความเต็มใจ ทั้งนี้ต้องไม่มีการเลือกปฏิบัติ และ     ไม่คำนึงถึงว่าข้าราชการตำรวจผู้ได้รับคำร้องขอความช่วยเหลือจะปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งงานใดจนกว่าจะมีผู้รับผิดชอบโดยตรงรับเรื่องไปดำเนินการ ข้าราชการตำรวจผู้นั้นจึงหมดภาระหน้าที่ดังกล่าว
                          ๑.๑.๓ ไม่อยู่เหนือกฎหมาย
                                    ข้าราชการตำรวจต้องประพฤติตนให้เป็นแบบอย่างที่ดีแก่สังคม โดยการเคารพ กฎ กติกา ระเบียบและกฎหมายอย่างเคร่งครัด ไม่มีการใช้อภิสิทธิ์ใดๆ เกินกว่าสิทธิทั่วไป
                          ๑.๑.๔ ขยายบริการ
                                    กำหนดเป้าหมายและระยะเวลาการตรวจเยี่ยมประชาชน ได้แก่ ประชาชนทั่วไป ผู้เสียหาย ผู้ต้องหา และกลุ่มเป้าหมายเฉพาะต่างๆ เพื่อเยี่ยมเยียน รับฟังปัญหาของประชาชน ชุมชน ตลอดจนจัดทำฐานข้อมูลท้องถิ่น โดยเน้นผู้เสียหายหรือผู้เคยตกเป็นเหยื่ออาชญากรรม ทั้งนี้     ให้บูรณาการการทำงานร่วมกันระหว่างฝ่ายต่างๆ ของสถานีตำรวจและ กต.ตร.สภ./สน.ในการลงพื้นที่และแก้ไขปัญหา
                          ๑.๑.๕ ทำงานว่องไวใส่ ใจประชาชน
                                    ลดขั้นตอนและระยะเวลาการให้บริการบนสถานีตำรวจ โดยนำรูปแบบจากสถานีตำรวจที่ประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี (Best Practices) มาเป็นแนวทางในการปรับปรุงขั้นตอน         การให้บริการ ได้แก่ การให้บริการตามลำดับ (ระบบคิว) และการให้บริการด้วยความรวดเร็ว
                   ๑.๒ สร้างความสามัคคีกลมเกลียวของข้าราชการตำรวจทุกระดับชั้น
                          การแก้ไขใดๆ ไม่สามารถแก้ปัญหาโดยบุคคลใดบุคคลหนึ่ง การแก้ไขปัญหาอาชญากรรมก็เช่นเดียวกัน ต้องอาศัยความร่วมมือร่วมใจกันทำงานของทุกฝ่าย ข้าราชการตำรวจ      ทุกระดับชั้นถือเป็นกลไกหนึ่งในการแก้ปัญหาสังคม จำเป็นที่จะต้องมีความสามัคคี พูดคุยกัน         เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูล ทัศนคติ วิธีการทำงาน ทั้งยังต้องมีการฝึกอบรมและทำกิจกรรมสาธารณะร่วมกันเพื่อเรียนรู้วิธีการทำงานร่วมกันอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งมีกิจกรรมดำเนินการ ดังนี้ “เปิดอกคุย        เสริมการฝึก สำนึกส่วนรวม”



--

                          ๑.๒.๑ เปิดอกคุย
                                    กำหนดให้มี “สภากาแฟ” เป็นเวทีในการพบปะหารือ พูดคุยปัญหา อุปสรรค และข้อเสนอแนะต่างๆ อย่างไม่เป็นทางการ หรือเชิญบุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่ทำงานเพื่อสาธารณะประโยชน์แก่สังคมมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เพื่อสร้างความเข้าใจ และความสัมพันธ์อันดีระหว่างกัน โดยกำหนดให้มีขึ้นทุกระดับชั้น ตั้งแต่ระดับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองบัญชาการ กองบังคับการ และสถานีตำรวจ อย่างน้อยสัปดาห์ละหนึ่งครั้ง
                          ๑.๒.๒ เสริมการฝึก
                                    ยึดถือระเบียบปฏิบัติ “การฝึกประจำสัปดาห์” แก่ข้าราชการตำรวจทุกนาย เพื่อเป็นเครื่องมือในการเสริมสร้างสมรรถภาพทางกายและจิตใจ มีการกำชับ กำกับดูแล อบรมให้ความรู้และสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างผู้บังคับบัญชาและผู้ใต้บังคับบัญชา ทั้งนี้ ผู้บังคับบัญชาของหน่วยงานต้องผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเข้าอบรมและควบคุมการฝึกแต่ละครั้งอย่างจริงจัง สามารถตรวจสอบผลการปฏิบัติได้
                          ๑.๒.๓ สำนึกส่วนรวม
                                    จัดกิจกรรรม “จิตอาสา” ที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม ชุมชนและประชาชน       ในพื้นที่ เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือกันระหว่างข้าราชการตำรวจและประชาชน ชุมชน หน่วยงานราชการและกลุ่มองค์กรในพื้นที่อย่างน้อยเดือนละ ๑ ครั้ง
.............................................................
๒. แนวทางการปฏิบัติ
            ในการสร้างมาตรฐานของสถานีตำรวจและข้าราชการตำรวจ เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่น ศรัทธาแก่ประชาชน จึงได้นำกรอบโครงการสถานีตำรวจเพื่อประชาชน (โรงพักเพื่อประชาชน) ระยะที่   (พ.ศ.๒๕๕๔ – ๒๕๕๘) และนโยบายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตามนโยบายเร่งด่วน  (ระยะ ๖ เดือน) “ปัดกวาดบ้าน ร่วมใจพัฒนา” นำมาผสมผสานให้เชื่อมโยงและสอดคล้องกัน เพื่อให้เป็นกรอบแนวทางการปฏิบัติตามโครงการสถานีตำรวจเพื่อประชาชน (โรงพักเพื่อประชาชน) ระยะที่ ๓ ตามนโยบายเร่งด่วน ๖ เดือนแรก ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สรุปเป็นแผนภาพได้ดังนี้
ชี้แจงภารกิจ....ก่อนออกทำงาน..........

วันเสาร์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ไปวิ่งมาครับ.....

                   ไปวิ่งมาคร้าบบบบ...................ไปวิ่งจริงๆ นะ ไม่ใช่ไปวิ่งเต้นเส้นสาย    อย่างคนที่เขามีความก้าวหน้าในตำแหน่งหน้าที่ราชการเขาทำกัน..................

                  เมื่อเช้าตื่นประมาณ ตี 4 เศษๆ  (เสาร์ที่ 23 ก.ค.54 )  ล้างหน้าแปลงฟันเสร็จ...น้ำไม่อาบ (เพราะต้องไปวิ่ง)  จัดแจงเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดวิ่ง....มีกางเกงวิ่งขาสั้นๆ  เสื้อกล้ามสำหรับวิ่ง เลือกเอาสีน้ำเงินตัวเก่งเพราะยุคนี้สมัยนี้ใส่สีเหลืองกับสีแดงไม่ได้   ไม่ค่อยจะเหมาะสมกับยุคสมัยสักเท่าไหร่  เพราใส่ไอ้สองสีนี่ทีไรขี้เกียจตอบคำถามแซวว่า.........."คุณเป็นพวกสี........." ใช่ไหม........ทั้งๆที่ในตู้เสื้อผ้าชุดวิ่งหรือแม้แต่ชุดอื่นๆก็มีสีเหลืองกับแดงพอสมควรแต่ไม่กล้าใส่...เฮ้อ............จากนั้นก็เดินทางไปยัง ร.ร.บ้านก่อ ต.หนองสนม อ.วานรนิวาส จ.สกลนคร ตามลำพังเพราะชวนมายเดียร์แล้วเธอไม่ไปด้วย....บอกว่าต้องดูแลคนแก่ตั้ง 2 คน .........ครับตามใจและเห็นใจคร้าบบบบบบบบบ

                   ไปถึงที่หมายก็พบเจอบรรดาเพื่อนฝูงหน้าเก่าและใหม่มากมายเช่นเคยคร้าบ......ก็ทักทายกันตามคุณระเบียบ...........บางท่านก็ไม่ได้ทักทายเพราะมากันเยอะจริงๆ...ยกมือไหว้กันไม่หวาดไม่ไหว.....ก็ต้องขอโทษขออภัยด้วยนะคร้าบบบบบบบบบ.........วันนี้เป็นการวิ่ง  2.4 กม. และ 5 กม.  ผมเลือกระยะ 5 กม. ตั้งใจไว้ก่อนวิ่งว่าวันนี้จะไม่ยอมหยุดเดินเหมือนเช่นเมื่อคราวก่อนๆ............แต่พอวิ่งไปได้ประมาณ 2 กม.ก็ต้องผิดคำสัญญากับตัวเองเพราะเกิดอยากยิงกระต่ายขึ้นมา........ก็เลยแวะข้างทางจัดการไปซะ 1 แม็ก....1 ชุด...โล่งไปเลยคร้าบบบบบบ.......

                    จากนั้นก็พยายามประคับประคองตัวเองวิ่งจนถึงเส้นชัยจนได้.............เสียเหงื่อไปประมาณ ครึ่งลิตร ....เบาตัวดีจังเลยคร้าบบบบบบบบบบบบบ.....ได้พูดคุยกับพรรคพวกและถูกชวนกันหลายคนว่าวันพรุ่งนี้ (24 ก.ค.54) จะไปงานวิ่งที่ อ.สว่างแดนดิน หรือเปล่า  ไอ้ผมก็อยากไปอยู่หรอกครับเพราะเป็นการวิ่งระยะทาง 21 กม.     ไม่ได้วิ่งมานานแล้วระยะขนาดนี้....แต่ก็ตอบคำถามแบบแบ่งรับแบ่งสู้ไปว่า....ไปครับถ้าตื่นทัน   เพราะจะต้องตื่นประมาณ ตี 2 จึงจะไปทันการสมัครและปล่อยตัวรุ่นนี้...........คร้าบบบบ

                    เอาละพอก่อนนะครับ.....เดี๋ยวจะไปออกตรวจร้านทอง....มินิมาร์ท....(ธนาคารหยุด)....และตู้ยามตามหน้าที่สักกะหน่อย.....ถ้าเราซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาไม่ออกตรวจเป็นตัวอย่าง....ผู้ใต้บังคับบัญชาก็จะพากันอู้งาน............ตามสไตล์ตำรวจไทยคร้าบบบบบบบ...............


วิ่ง....วิ่ง.......วิ่ง.......


วิ่งตาเหลือก....


ภรรยาผมก็วิ่ง.......(ภาพเก่า)


วิ่งเสร็จก็กิน....ข้าวต้ม..........


เพื่อนๆนักวิ่ง....เยอะแยะ.......อบอุ่น......

วันศุกร์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ไม่สายเกินกว่าที่จะเริ่ม.............

                                                            

                                                             ไม่สายเกินกว่าที่จะเริ่ม

                        ชีวิตการตกปลาของผมได้เริ่มต้นขึ้นแล้วครับ    หลังจากที่กล้าๆ  กลัวๆ  อยู่ตั้งนาน  ไอ้ที่ว่ากลัวไม่ใช่กลัวปลาใหญ่ไล่งับหรอกนะครับ   แต่มือใหม่อย่างผมกลัวอับอายขายขี้หน้าบรรดาน้องๆมือเก่าทั้งหลาย   กลัวเขาจะหัวเราะเยาะเอาว่าอายุปูนนี้แล้ว  40  ขวบปีแล้วเพิ่งจะมาหัดจับคันเบ็ดตกปลากับเขา   มัวไปงมโข่งอยู่ที่ไหน   แต่จะทำยังไงได้ละครับก็ใจมันชอบนี่นา   ครั้นนึกถึงตอนเด็กๆ  อายุราว 8-9 ขวบ  ผมเคยไปปักเบ็ดไว้ตามทุ่งนา   พอตกกลางคืนกลับมานอนฝันหวานเร่งเวลาอยากให้เช้าตรู่เร็วๆ  จะได้รีบไปยลโฉมว่าจะได้ปลาอะไรบ้าง  ทุกอย่างยังติดตาตรึงใจอยู่ไม่รู้คลาย   ไม่มีอะไรสายเกินกว่าที่จะเริ่ม อายุเป็นเพียงตัวเลข  ฝรั่งเขาไม่เห็นถือกันเรื่องอายุเลย  ปลอบใจตัวเองเสร็จก็จัดแจงหาหนังสือเกี่ยวกับการตกปลามาอ่าน  ว่างๆก็แกล้งทำเป็นไปวิ่งออกกำลังกายแล้วแอบไปดูเขาตกปลากันที่สะพานพระราม 7  ใกล้บ้าน

                        ปัญหาตามมาก็คือ  ผมจะซื้อรอกอะไรดี  ขนาดใหญ่หรือเล็ก  แล้วคันละจะเอายาวกี่ฟุต  จะเอาแข็งหรืออ่อนอย่างไร   จะเล่นระดับราคาเท่าไหร่   และอะไรๆอีกหลายๆ อย่าง รู้สึกว่าจะว้าวุ่นไปสักพักเหมือนกัน ก็ประเภทรักพี่แต่เสียดายน้องทำนองนั้นนั่นแหละครับ   ในที่สุดก็เลยตัดสินใจเลือกซื้อชุดสปินนิ่ง 1 ชุด  ตัวรอกเป็นของไดว่า  รุ่น บีจี.20   ส่วนคันเบ็ดเป็นของลูมิส รุ่น ทวินซุปเปอร์  ยาว 8 ฟุต  ผมไม่อยากได้คันยาวไปกว่านี้ กะให้วางท้ายรถได้พอดี   เผื่อออกต่างจังหวัดเจอะเจอหมายดีๆ  จะได้นำออกมาผ่อนคลายอารมณ์ได้เลย

                       และแล้ววันแห่งการรอคอยก็มาถึง  ผมจำได้ว่าเป็นวันเสาร์ที่ 20 ธันวาคม 2540   ผมกับครอบครัว  มีภรรยา  และบุตรอีก 2 คน  ก็เดินทางไปถึงหมายธรรมชาติลักษณะเป็นแม่น้ำขนาดใหญ่ชื่อว่าแม่น้ำเจ้าพระยา  ก็ที่สะพานพระราม 7  นั่งไงครับ  ไปถึงเวลาประมาณ 16.30 น.  กว่าจะประกอบคันเบ็ดเสร็จก็ใช้เวลาไปประมาณครึ่งชั่วโมง  ทำเวลาได้นานพอสมควรสำหรับมือใหม่อย่างผม  ได้คันฝรั่ง 1 ชุด  พร้อมคันชิงหลิวอีก 2 ชุด  คันชิงหลิวเป็นของลูกสาวชื่อ น้องนุ่น  ผมเรียกเจ้าสวายนุ่น เพราะเธอเพิ่งจะอายุ 7 ขวบ  แต่ทำน้ำหนักตัวได้ถึง 35 กก.   กำลังน่ารับประทาน   ส่วนเจ้าลูกชายชื่อ  น้องนนท์  อายุ 3 ขวบ  ผมเรียกว่าเจ้าชะโดหัวเหม็น เพราะป่วยบ่อยมาก  10  วันสระผมครั้งเดียวหัวจึงเหม็นดีจริงๆ   เพียงไม่ถึง 10 นาที หลังจากลงเบ็ดเสร็จ  ผมก็หันไปเจอเจ้าลูกชายกำลังนั่งยองๆเอาสองมือดึงสาวสายเอ็นขึ้นมาจากน้ำ  โดยที่ไม่ยอมบอกใครเลย  เขาสงสัยว่าทำไมสายเอ็นมันดิ้นได้จึงดึงขึ้นมาดู  ผมจึงเดินเข้าไปดูใกล้ๆ ปรากฏว่าเห็นปลาตัวเล็กๆติดเบ็ดขึ้นมา เป็นปลาเกร็ดสีเงิน ตัวเท่า 2 นิ้วมือ  ที่ปลายหางมีสีแดงทางขวาง  ถามคนแถวนั้นเขาบอกว่าเป็นปลาตะเพียนหางแดง   อีกสักพักหนึ่งเจ้าสวายลูกสาวก็ได้ปลาแบบเดียวกันขึ้นมาอีก  1  ตัว  โตหน่อยก็ประมาณ 3 นิ้วมือเห็นจะได้  ลูกๆ ดีใจกันมาก ผมเองก็มีความสุขมากที่มาออกทริพครั้งนี้ครั้งแรกไม่เสียเที่ยว  ถึงแม้จะเป็นปลาเล็กแต่มันก็ทำให้หัวใจของผมพองโตได้เหมือนกัน  มันเป็นความสุขที่เกิดขึ้นอย่างประหลาด

                        ต่อจากนั้นอีกประมาณครึ่งชั่วโมง  คันชิงหลิวของเจ้าชะโดหัวเหม็นก็ถูกสายลากลงไปใต้น้ำอีก  พอยกขึ้นมาดูปรากฏว่าเป็นปลาดุกไซ้สเล็กๆที่แอบมางาบเอาเบ็ดที่หุ้มด้วยไส้เดือนเอาไว้    ตกลงวันนั้นได้ปลา  3  ตัว  เป็นฝีมือของลูกๆทั้งนั้น   ส่วนตัวผมตกแบบหน้าดินใช้ขนมปังร้อยพวงมาลัย   ปลามันยังไม่กล้ามาชิม  เอาไว้ทำความรู้จักคุ้นเคยกับผมให้มากกว่านี้อีกสักหน่อย  แล้วมันจะมาเยือน  ปลามันกระซิบบอกผม...........แล้วผมจะรอวันนั้น.

                                                                                 ลุงธี  ทำดี.........

..........................................................................................................
นี่ไงครับเรื่องสั้นที่ผมบอกว่าจะไปค้นหามาลงให้..............เขียนไว้เมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว.....ได้อรรถรสไหมครับ...ติ-ชมกันได้นะครับ....ผมไม่ได้ตัดต่อหรือตกแต่งเลยแม้แต่ตัวอักษรเดียว......เป็นอารมณ์ที่เขียนไว้เมื่อครั้งในอดีตจริงๆ  คร้าบบบบบบบบบบบบบบบบบบ......
                                                                                    ลุงธี.....

ลูกสาว  ....ลูกชาย....และเพื่อนของลูกชาย...