วันอาทิตย์ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2555

การหารังผึ้งโพรง.............

ครับผม...ห่างหายจากการเขียนบทความไปนานพอสมควรครับ....
เดือน ม.ค.2555   ผมเพิ่งเขียนบทความไปเพียงเรื่องเดียวเอง..
รู้สึกว่าจะน้อยไปหน่อย................
เพื่อไม่ให้เกิดช่องว่าง หรือสูญญากาศทางบล๊อกแห่งนี้
วันนี้...เลยขออนุญาตนำเรื่องราวของการหาอยู่หากินของชาวบ้าน
ทางภาคอีสานตอนบน...ในการหาของป่า จำพวกน้ำผึ้ง
ซึ่งเป็นผลผลิตของผึ้งประเภทหนึ่ง
ที่อาศัยอยู่ในโพรงต้นไม้หรืออยู่ในที่ลับที่มุมอับ
มาเผยแพร่ให้แฟนๆได้อ่าน..ได้รับทราบ...ได้ความรู้กัน
เผื่อบางทีอาจจะมีใคร...หรือผู้ใด...ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์
หรือเพื่อฝึกการทำสมาธิ...ใช้ความอดทนจนประสบผลสำเร็จ
อย่างเช่นบทความที่ผมกำลังจะนำเสนอ ณ โอกาสนี้...
เชิญชมได้แล้ว    คร้าบบบบ.......
(บทความนี้เขียนเมื่อ ปี พ.ศ.2549 )

 ...............................................
                                                                     ภูมิปัญญาในการหารังผึ้งโพรง

                มนุษย์รู้จักรังผึ้งและน้ำผึ้งมาเป็นเวลานานแล้ว  ตามหลักฐานของมนุษย์ก่อนประวัติศาสตร์ประมาณ 7,000 ปี ก่อนคริสตศักราชปรากฏภาพวาดบนผนังถ้ำของยุคเมโซลิกธิก (Mesolithic) ในประเทศสเปนที่เห็น คนกำลังปีนขึ้นไปตีรังผึ้งอยู่ในโพรงไม้และเก็บน้ำผึ้งใส่หม้อดิน   ภาพนี้แสดงว่า ผึ้งเป็นอาหารจากธรรมชาติที่มนุษย์รู้จักเก็บนำมาใช้จนถึงปัจจุบันนี้
นอกจากน้ำผึ้งแล้วยังได้รวงผึ้งซึ่งประกอบด้วยไขผึ้ง ที่นำมาทำเทียนไข ใช้จุดให้แสงสว่างกันมาช้านาน จนถึงปัจจุบันยังนิยมใช้ในชนบทที่ไม่มีไฟฟ้า ตลอดจนใช้ในวัดและโบสถ์ เพื่อประกอบศาสนกิจต่าง ๆ อีกด้วย สรรพคุณของน้ำผึ้งได้มีจารึกไว้ ในประวัติศาสตร์ ทั้งในประเทศ  อียิปต์ กรีก โรมัน อินเดียและประเทศจีน มานานนับพันปี กล่าวถึง ประโยชน์ของน้ำผึ้งในทางคุณค่าของอาหาร ยารักษาโรค และใช้ประกอบทำเครื่องสำอาง   นอกจากนั้นในการสงครามใช้ผึ้งต่อยศัตรู และได้มีการตัดหัวศัตรูดองเก็บในน้ำผึ้งด้วย ทั้งนี้เพราะน้ำผึ้งมีคุณสมบัติใช้ดองของสด กันความเน่าเปื่อยได้เป็นเวลานาน ความสนใจในเรื่องผึ้งของคนไทย มีมานานหลายร้อยปี ดังมีหลักฐานจากศิลาจารึกหลังแรกตั้งแต่สมัยพ่อขุนรามคำแหงมหาราช  พบพยัญชนะไทย 39 ตัว ปรากฏมีได้มี  แล้ว ทั้งยังมีจารึกบนศิลาหลังที่สอง ที่พบที่วัดศรีชุม กล่าวถึงเรื่องฝูงผึ้ง และผึ้งในนิทานชาดก ตั้งแต่ครั้งกรุงสุโขทัย (พ.ศ. 1890-1920)  นอกจากนั้นสิ่งที่ยืนยันได้แน่นอนคือ ยาไทยนั้นใช้ผสมกับน้ำผึ้ง เป็นองค์ประกอบที่สำคัญมาแต่โบราณจนกระทั่งในปัจจุบันยังคงพบเห็นตัวยาดังกล่าวปรากฎอยู่ตามแผงขายยาในร้านขายยาทั่วๆไป  ดังนั้นคนไทยคงจะบริโภคน้ำผึ้ง มานานหลายร้อยปีมาแล้วเช่นกัน ในเมืองไทยปัจจุบันนี้มีผึ้งอยู่ 4 ชนิด คือ ผึ้งหลวง ผึ้งโพรง ผึ้งมิ้ม 3 ชนิดนี้เป็นพันธุ์พื้นเมืองของไทยแท้และอีก 1 ชนิดคือผึ้งพันธุ์ นำเข้ามาจากยุโรปและอัฟริกา หากตั้งคำถามว่าจะทราบได้อย่างไรว่าผึ้งทำรังอยู่ตรงไหนบ้าง  ปัจจุบันนี้ คงเป็นคำถามที่หาคำตอบได้ยากเสียเหลือเกิน เพราะเป็นสิ่งที่ไกลตัวและเกินความสามารถของสามัญชนโดยทั่วไป น้อยคนนักที่จะมีภูมิรู้ภูมิปัญญาในการเป็นพรานผึ้ง   แต่ที่บ้านแหลมทอง หมู่ที่ 16 ตำบลวานรนิวาส อำเภอวานรนิวาส จังหวัดสกลนคร มีชาวบ้านคนหนึ่งเป็นผู้มีภูมิปัญญาในการหารังผึ้งจากป่ามาเป็นเวลาช้านานแล้ว โดยท่านผู้นี้หาน้ำผึ้งที่ได้จากป่านำเอามาขายเพื่อเลี้ยงครอบครัวเป็นอาชีพ ท่านผู้นี้คือ นายกาสิน  ผากงคำ  หรือตู้เผิ่ง  หรือ  ตู้กาล่าย  (ตู้ภาษาอีสานหมายถึงชายสูงอายุ)
                ตู้กาล่าย เป็นชายร่างเล็กเป็นคนอีสานมีเชื้อสายเผ่าพันธุ์เป็นชนเผ่าย้อเกิดเมื่อปี พ.ศ.2483 ที่บ้านนาโน  ตำบลโพนแพง อำเภออากาศอำนวย  จังหวัดสกลนคร ปัจจุบัน อายุ 66 ปี  เป็นบุตรของนายอุ่น ผากงคำ กับนางบุญ ผากงคำ (ถึงแก่กรรมทั้งสองคน) มีพี่น้องรวม 6 คน  ตู้กาล่ายเป็นลูกคนที่ 3 เมื่ออายุ 25 ปี ได้แต่งงานกับนางประดิษฐ์ ผากงคำ มีอาชีพทำนาและหาน้ำผึ้ง มีบุตรด้วยกัน 9 คน ตู้กาล่ายพูดภาษาถิ่นไทยย้อ  ประมาณปี พ.ศ.2517 ได้ย้ายภูมิลำเนาจากบ้านนาโน อำเภออากาศอำนวย มาอยู่ที่อำเภอวานรนิวาส   เนื่องจากญาติๆชักชวนมา ในช่วงวัยเด็กตู้กาล่ายไม่ได้มีความสนใจในการเป็นพรานผึ้งหรือที่ชาวอีสานเรียกว่าหมอผึ้งเลย จนกระทั่งตู้กาล่ายอายุได้ 21 ปี จำได้ว่าเมื่อผ่านพ้นคราวไปจับได้ใบดำในการคัดเลือกทหารเกณฑ์กองประจำการเสร็จเรียบร้อยแล้ว      ตู้กาล่ายเริ่มสนใจและอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับการออกหารังผึ้งป่า  ตู้กาล่ายจึงได้ไปขอเรียนวิชากับลุงบัว จำนามสกุลไม่ได้ (ถึงแก่กรรมแล้ว) ซึ่งลุงบัวเป็นหมอผึ้งมีอาชีพในการหารังผึ้งจากป่ามาขาย และลุงบัวก็เป็นลูกพี่ลูกน้องกับตู้กาล่ายที่บ้านนาโนนั่นเอง  ลุงบัวถามตู้กาล่ายว่าอยากได้วิชาจริงหรือ มันยากลำบากและต้องใช้ความอดทนมากนะ ตู้กาล่ายยืนยันอย่างหนักแน่นลุงบัวจึงยอมสอนวิชาความรู้ในการติดตามตัวผึ้งโดยเฉพาะผึ้งโพรง(อีสานเรียกเผิ่งโพงหรือเผิ่งโกน)ให้กับตู้กาล่าย  เมื่อได้รับการถ่ายทอดความรู้ตลอดจนฝึกฝนในการติดตามตัวผึ้งเพื่อให้พาไปหารังผึ้งจากลุงบัวแล้ว ตู้กาล่ายก็ได้ออกหารังผึ้งด้วยตนเองอย่างสม่ำเสมอจนเกิดความชำนาญ มีเพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้นที่ตู้กาล่ายออกจากบ้านเข้าป่าไปแล้วจะไม่ได้รังผึ้งกลับมา   ข้อความต่อไปนี้ได้มาจากคำสัมภาษณ์ตู้กาล่ายเกี่ยวกับความรู้ประสบการณ์ของตู้กาล่ายที่ใช้ในการติดตามหารังผึ้ง
                ในการหารังผึ้งนั้นอันดับแรกจะต้องเข้าไปในป่ามองหาแหล่งน้ำขนาดเล็กๆ  เช่นบ่อน้ำ สระน้ำ  หนองน้ำเล็กๆ   ถ้าอยู่บริเวณหัวไร่ปลายนาให้มองหาบ่อน้ำที่ชาวบ้านขุดไว้ใช้สอย  เมื่อพบบ่อน้ำแล้วให้เฝ้าดูที่บริเวณขอบของบ่อน้ำ   คอยสังเกตดูว่ามีผึ้งบินมากินน้ำที่ขอบบ่อหรือไม่ ถ้าบ่อไหนมีผึ้งมากินน้ำแสดงว่าจะต้องมีรังผึ้งอยู่รอบๆหรือใกล้ๆกับบ่อน้ำแห่งนั้นแน่นอน  จากนั้นให้สังเกตดูว่าผึ้งบินมาจากทิศทางไหนกลับทิศทางเดิมหรือไม่  ซึ่งผึ้งทุกตัวที่มากินน้ำจะต้องกลับไปตามทิศทางเดิมที่บินมา   เมื่อผึ้งตัวแรกบินกลับไปแล้วจะต้องมีผึ้งตัวที่สอง  ตัวที่สาม  ตัวที่สี่   ตัวที่ห้า   จนนับไม่ถ้วนบินมากินน้ำแล้วบินกลับไปตามทิศทางเดิมเดียวกันไม่ขาดสาย  ซึ่งผึ้งแต่ละตัวจะเว้นระยะห่างในการบินเป็นระยะเท่าๆกัน   บางครั้งอาจจะบินมาเป็นระยะถี่มาก   บางครั้งอาจจะบินมาใช้เวลาห่างกัน    กรณีบินตามกันมาถี่ๆแสดงให้เห็นว่ารังผึ้งอยู่ใกล้ๆกับบ่อน้ำ และที่บินตามกันมาห่างๆแสดงว่ารังผึ้งอยู่ไกลจากบ่อน้ำ   อีกกรณีที่แสดงให้เห็นว่ารังผึ้งจะอยู่ใกล้หรือไกลจากบ่อน้ำก็คือถ้าผึ้งกินน้ำเสร็จแล้วบินกลับไปในระดับที่ต่ำๆไม่สูงไปจากพื้นดินมากนักนั่นคือรังผึ้งจะอยู่ไม่ไกล แต่ถ้าผึ้งบินออกจากขอบบ่อแล้วบินไต่ระดับสูงขึ้นจากผิวดินมากๆแสดงว่ารังผึ้งจะอยู่ไกลจากบ่อน้ำ โดยน้ำที่ผึ้งพากันบินมาเก็บกินนี้ ผึ้งจะพากันนำไปป้อนให้กับตัวอ่อนของผึ้งที่อยู่ในโพรงหรือในรังของพวกมัน   
               เมื่อสังเกตเห็นการเดินทางของผึ้งดังกล่าวแล้วให้เดินติดตามสายการบินของผึ้งไปช้าๆ  อย่าส่งเสียงดังอึกทึกเป็นอันขาดเส้นทางบินของผึ้งจะเป็นแนวตรงไม่มีอ้อมหรือบินคดโค้งแต่อย่างใด   เมื่อติดตามไปเรื่อยๆก็จะมองเห็นผึ้งบินไปเกาะอยู่ที่ต้นไม้หรือจอมปลวกร้าง ที่ต้นไม้หรือจอมปลวกดังกล่าวจะมีรูเล็กๆเท่ากับนิ้วชี้ของคนปรากฏให้เห็น   รูดังกล่าวคือปากโพรงหรือทางเข้าโพรงที่ผึ้งใช้เป็นที่ทำรังอาศัยอยู่  ถ้าสังเกตให้ดีบริเวณรูเล็กๆดังกล่าวหากมีร่องรอยที่ปากรูเป็นสีดำคล้ำและมีความเงาเป็นมันมากๆแสดงว่าข้างในโพรงดังกล่าวมีตัวผึ้งและรังผึ้งอยู่เป็นจำนวนมากเพราะผึ้งเดินทางเข้าออกรูเป็นจำนวนมาก  ส่วนรูใดไม่เป็นเงามันวับวาวจำนวนผึ้งและรวงผึ้งก็มีน้อยลงตามลำดับ   อีกกรณีที่จะคาดเดาเอาได้ว่าข้างในโพรงต้นไม้จะมีผึ้งและรังผึ้งมากน้อยเพียงใดจะทราบได้จากการใช้หูฟังเสียงผึ้งที่บินวนเวียนอยู่ในโพรงต้นไม้ซึ่งจะมีเสียงดัง  วึน ๆ ๆ ๆ ๆ   อยู่ตลอดเวลา หากมีเสียงดังมากแสดงว่าเป็นโพรงใหญ่และมีตัวผึ้งกับรังผึ้งจำนวนมาก บางโพรงมีผึ้งจำนวนมากเราจะได้ยินเสียงบินของผึ้งทั้งๆที่อยู่ห่างจากต้นไม้เป็นระยะถึง 10 เมตรทีเดียว ผึ้งโพรงจะทำรังไม่เหมือนผึ้งชนิดอื่นโดยในแต่ละโพรงจะมีรวงผึ้งอยู่เป็นจำนวนมากหลายๆรวง (เคยพบมากที่สุดจำนวน 8 รวง)  ส่วนรังผึ้งชนิดอื่นจะมีเพียงรวงเดียว เมื่อพบโพรงที่สร้างรังของผึ้งแล้ววิธีการที่จะเอารังผึ้งของตู้กาล่ายคือใช้ขวานฟันสับเจาะโพรงให้เปิดกว้างขนาดพอที่มือคนจะสอดลอดเข้าไปได้   จากนั้นก็จะเก็บเอาเฉพาะรวงผึ้งใส่ตะกร้าหรือกระป๋องที่เตรียมไปด้วย   
                   ตู้กาล่ายจะไม่เก็บเอานางพญาผึ้งมาด้วยเพราะต้องการให้บรรดาผึ้งทั้งหลายได้พากันไปสร้างรังหรือสร้างครอบครัวใหม่ต่อไป ในการป้องกันไม่ให้ผึ้งต่อยในขณะที่กำลังเก็บรังผึ้งคือจะต้องสวมเสื้อแขนยาวและกางเกงขายาวสวมใส่ให้รัดกุมส่วนศีรษะก็จะใช้ถุงพลาสติกคลุมไว้ชั่วคราว หากเมื่อใดถูกผึ้งต่อยวิธีรักษาก็เพียงเอาเหล็กไนผึ้งออกแล้วทางยาหม่องเท่านั้นไม่เกินหนึ่งวันอาการปวดบวมจะหายไป    ตู้กาล่ายไม่เคยมีคาถาอาคมในการสกดผึ้งและไม่ต้องใช้ควันไฟในการเป่ารมผึ้งแต่อย่างใด แต่ตู้กาล่ายมีเคล็ดลับในการที่จะไม่ให้ผึ้งต่อยคือให้ใช้ความสงบเงียบความนิ่มนวลห้ามทำเสียงดังห้ามพูดคุยกันถ้าเป็นไปได้ให้ไปคนเดียวอย่าเอาเพื่อนไปด้วยและอีกอย่างถ้าเห็นผึ้งทำรังลักษณะรวงผึ้งขวางกับเส้นทางเดินของดวงอาทิตย์อย่าได้เข้าไปใกล้รังผึ้งนั้นเป็นอันขาดเพราะผึ้งที่รังนั้นจะดุร้ายมากแค่เห็นคนเข้าไปใกล้ๆไม่ได้รบกวนรังผึ้งเลย ผึ้งพวกนั้นก็จะไล่ต่อยโดยไม่ทราบสาเหตุ
ในหนึ่งปีตู้กาล่ายจะเข้าป่าหารังผึ้งเพียง 3 เดือนในช่างหน้าแล้งเท่านั้น คือเดือนกุมภาพันธ์ มีนาคม และเมษายน(เดือน 3 ถึงเดือน 5) เนื่องจากรังผึ้งจะมีน้ำผึ้งเป็นจำนวนมากเพราะช่วงดังกล่าวดอกไม้นานาพันธุ์จะออกดอกเป็นจำนวนมากผึ้งก็จะสามารถเก็บน้ำหวานจากดอกไม้ไปสะสมไว้ในรังผึ้งได้มาก ส่วนเดือนอื่นๆอีก 9 เดือนรังผึ้งจะไม่ค่อยมีน้ำผึ้งมากนักประกอบกับถ้าเป็นฤดูฝนจะเป็นอุปสรรคในการสังเกตติดตามตัวผึ้ง เนื่องจากจะมีบ่อน้ำ ห้วย หนอง คลอง บึง เกิดขึ้นเป็นจำนวนมากมาย ตู้กาล่ายไม่สามารถที่จะสังเกตจุดที่ผึ้งลงมากินน้ำได้เพราะจำนวนแหล่งน้ำมากเกินไป ในระหว่างนั้นตู้กาล่ายก็จะทำการค้าขายผักปลาที่ตลาดหน้าฝนก็จะทำนาไปพรางๆก่อนรอให้ถึงหน้าแล้งจึงค่อยเข้าป่าหารังผึ้งตามที่ตนเองถนัด
ในเขตอำเภออากาศอำนวยและอำเภอวานรนิวาส จังหวัดสกลนคร ตู้กาล่ายเคยพบเห็นผึ้งเพียง 3 ชนิดเท่านั้น คือ ผึ้งรวง(ผึ้งหลวง)  ผึ้งมิ้ม และผึ้งโพรง  พบมากที่สุดคือผึ้งโพรง ผึ้งชนิดอื่นไม่ค่อยพบอาจเป็นเพราะตู้กาล่ายมีความชำนาญเฉพาะในการหาผึ้งโพรง และปัจจุบันนี้จำนวนรังผึ้งมีลดลงกว่าเดิมมากตู้กาล่ายคิดว่าสาเหตุที่ทำให้รังผึ้งมีน้อยลงอาจเป็นเพราะต้นไม้ถูกตัดโค่นลงเป็นจำนวนมากเพื่อเอาพื้นที่ใช้ทำประโยชน์อย่างอื่นเช่นทำไร่ ทำนา ปลูกบ้าน เป็นต้น  ตั้งแต่เริ่มหารังผึ้งมาตู้กาล่ายพบว่าป่าที่มีรังผึ้งอยู่ชุกชุมมากที่สุดคือป่าหลังโรงเรียนมัธยมวานรนิวาส อยู่ใกล้ๆกับบ้านพักของตู้กาล่ายนั้นเอง รองลงมาคือป่าบ้านหนองไผ่ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านแหลมทองพัฒนาไปประมาณ 5 กิโลเมตร
เมื่อนำรังผึ้งกลับมาถึงบ้านแล้วหน้าที่ในการจัดการต่อไปเป็นหน้าที่ของยายประดิษฐ์ ภรรยาของตู้กาล่าย ยายประดิษฐ์จะใช้ผ้าขาวบางบีบคั้นเอาน้ำผึ้งบริสุทธิ์บรรจุใส่ขวดกลมหรือขวดแบน(ขวดแม่โขง) นำไปขายให้แก่ลูกค้าที่ตลาดหรือบ้านของลูกค้าที่มาสั่งไว้ โดยขายในราคาขวดกลมละ 200 บาท ขวดแบนละ 100 บาท น้ำผึ้งที่ลูกค้าซื้อไปนี้จะเอาไปใช้ประโยชน์คือ นำไปรับประทานเป็นอาหาร นำไปผสมกับสุราดื่ม นำไปผสมกับยาสมุนไพรทำเป็นยาลูกกลอน และบรรดาเซียนไก่ชนจะนำไปผสมกับอาหารทำเป็นลูกกลอนป้อนไก่ชน สำหรับรังผึ้งที่เหลือจากการบีบคั้นเอาน้ำผึ้งแล้วยายประดิษฐ์จะเอาไปต้มเพื่อทำเป็นเทียนผึ้ง และถ้าเอารังผึ้งไปนึ่งก็จะได้สีนวดผึ้งใช้ทาริมฝีปากไม่ให้แห้ง เทียนผึ้งและสีนวดผึ้งดังกล่าวถ้ามีมากเกินใช้ก็จะขายให้กับลูกค้าหรือเพื่อนบ้านในราคาแผ่นละ 10 20 บาท แล้วแต่ขนาด สำหรับรังผึ้งบริเวณที่มีตัวอ่อนอยู่ยายประดิษฐ์ก็จะตัดเป็นชิ้นๆนำไปขายขนาดเท่ากล่องไม้ขีดขายราคาชิ้นละ 5 บาท ลูกค้าจะนำไปห่อด้วยใบตองย่างไฟเมื่อสุกแล้วรสชาติจะหอมหวานอร่อยมาก ส่วนขี้ง่วนคือรังผึ้งบริเวณที่มีเกษรดอกไม้ติดอยู่มากที่สุด มีสีเหลืองๆ ยายประดิษฐ์จะไม่ยอมขายให้ใครเพราะยายประดิษฐ์จะเก็บไว้รับประทานเองเนื่องจากเป็นสมุนไพร่ชั้นดีมีสรรพคุณเสริมสร้างให้ร่างกายแข็งแรง
การพิสูจน์ว่าน้ำผึ้งที่ขายอยู่ในท้องตลาดจะเป็นน้ำผึ้งแท้บริสุทธ์ 100 % หรือไม่นั้น  ตู้กาล่ายแนะนำว่าให้ใช้หัวไม้ขีดไฟจุ่มลงไปในน้ำผึ้งนั้นๆ หากเป็นน้ำผึ้งปลอมไม่บริสุทธ์หัวไม้ขีด
จะเปียกเพราะน้ำผึ้งนั้นมีส่วนผสมของน้ำ แต่ถ้าเป็นน้ำผึ้งแท้บริสุทธ์ไม่มีน้ำหรือของเหลวอื่นเจือปนหัวไม้ขีดจะไม่เปียกและสามารถนำไม้ขีดนั้นมาจุดติดไฟได้ตามเดิม อีกอย่างพ่อค้าที่ปลอมน้ำผึ้งส่วนมากจะใช้น้ำตาลปีบผสมลงไปด้วยเพราะจะทำให้มีสีคล้ายกับน้ำผึ้งมากที่สุด
ทุกวันนี้ตู้กาล่ายไม่สามารถที่จะเข้าป่าไปหารังผึ้งได้อีกต่อไปแล้ว ถึงแม้ร่างกายจะยังคงแข็งแรงหากแต่เป็นเพราะสายตาของตู้กาล่ายไม่ดีเหมือนเดิมมองไม่เห็นตัวผึ้งอีกต่อไปแล้ว อาจเป็นเพราะตู้กาล่ายใช้สายตาในการเพ่งมองตัวผึ้งมากเกินไปก็เป็นได้ และตู้กาล่ายได้เพียรสอบถามทราบว่าในระแวกหมู่บ้านใกล้เคียงก็ไม่มีผู้ใดออกหารังผึ้งแต่อย่างใด บรรดาลูกหลานของตู้กาล่ายก็ไม่ชอบและไม่ยอมสืบทอดภูมิปัญญาในการออกหารังผึ้งอีก นับวันภูมิปัญญาในการออกหารังผึ้งโพรงนี้จะเลือนลางและหายไปกับกาลเวลา ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องที่น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่ง เพราะการได้น้ำผึ้งป่าที่บริสุทธ์มาใช้ในการบริโภคและใช้เป็นส่วนผสมของการผลิตยาสมุนไพรนั้นมีคุณประโยชน์อันยิ่งใหญ่สำหรับมวลมนุษย์  อีกประการภูมิปัญญาในการหารังผึ้งนี้สิ่งสำคัญที่แฝงเร้นอยู่ในทีก็คือคนที่จะหารังผึ้งได้นั้นเขาผู้นั้นจะต้องใช้ความเพียรพยายามเป็นอย่างยิ่ง มีความอดทน   มีสติมั่นคง รอบคอบ ช่างสังเกต และจะต้องเป็นคนสุขุมใจเย็นมีจิตใจอ่อนโยนต่อสัตว์ตลอดจนบุคคลอื่นโดยทั่วไปนั่นเอง  





............ภาพประกอบการบรรยาย..........





                                                                                       

วันศุกร์ที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2555

สวัสดีปีใหม่ 2555...................

ครับผม...นี่ก็ล่วงเลยมาจนถึงกลางเดือน มกราคม 2555 แล้วครับ

ไม่รู้ว่าจะกล่าวคำว่า สวัสดี  ปีใหม่  กันช้าไปหรือเปล่า
ก็ไม่มีอะไรหรอกครับ...เหตุผลเดิมๆของลุงธี   คือไม่รู้จะเขียนเรื่องอะไร
ชีวิตของลุงธี...มันช่างราบเรียบเสียเหลือเกิน....
ในความราบเรียบลุงธีขอเสนอภาพกิจกรรมที่ผ่านมาช่วงนี้ก็แล้วกันนะคร้าบบบ

ตั้งจุดตรวจ-จุดบริการประชาชนช่วง 7 วัน อันตราย
29 ธ.ค.54  -  4 ม.ค.55

ประชุมกำนัน - ผญบ. ส่งท้ายปีเก่า โดยนายอำเภอคนใหม่

เด็กนักเรียนประถมวานรฉลองปีใหม่ใต้อาคารเรียน




โม้แข่งส่งท้ายปีเก่า 31 ธ.ค.54 กับทีมพังโคน และทีมหงา คาราวาน

ตักบาตรวันปีใหม่ 1 ม.ค.2555 ที่หน้าเทศบาลวานร

อุบัติเหตุช่วงปีใหม่ 2555

 งานเลี้ยงฉลองปีใหม่ 6 ม.ค.2555

ตรวจตลาดสดช่วงเช้ามืด





ลุงธีเลี้ยงอาหารประเภท ลาบ + ก้อย ผู้ใต้บังคับบัญชา

ขาดไม่ได้คือการวิ่งเพื่อสุขภาพ (บ.หนองแสงคำ ต.นาซอ)


ลุงธี ที่ตลาดสดกับแม่ค้า และของแซบอีสาน

ตรวจตราตลาดนัดประจำเดือนของเทศบาลตำบลวานรนิวาส


หาดินมาปรับปรุงสนามหน้า สภ.วานรนิวาส