วันพฤหัสบดีที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2556

เรื่องหลอกลวงในโลกของตำรวจ



..............ครับผ่ม...ห่างหน้าหายตาไปเดือนเศษๆ....ไม่ได้เขียนบทความเลยสักเรื่อง
วันนี้ก็เลยหยอดบทความสักเรื่อง...ความจริงก็ไม่ได้เขียนเองหรอกครับ
เพราะช่วงนี้ไม่ค่อยจะมีกิจกรรมอันใดที่โดดเด่นพอที่จะนำเสนอแฟนคลับได้
พอดีผมไปพบบทความของนักเขียนท่านหนึ่ง..เขียนใน น.ส.พ.ฉบับหนึ่ง
เห็นว่ามันเป็นความจริง...และเป็นสิ่งที่ไม่ตาย...คนในวงการตำรวจทราบดี
ก็เลยขออนุญาตเผยแพร่บทความนั้น..ทั้งนี้..ทั้งนั้น..ก็เพราะอยากจะให้
ผู้ที่เกี่ยวข้อง..ไม่ว่าจะเป็นประชาชน..ตำรวจ...นักการเมือง..ผู้มีอำนาจวาสนา
ที่บังเอิญได้มาอ่านบทความนี้.....
ได้ช่วยกันปรับปรุงแก้ไของค์กรตำรวจให้บริสุทธิ์ผุดผ่อง...เพื่อที่จะได้
ให้ตำรวจทำงานเกิดประสิทธิภาพยังประโยชน์แก่ประชาชนและประเทศชาติ
นั่นเองคร้าบ.....
...ลุงธี..เองเชื่อว่าทุกกระทรวงทบวงกรม..ก็จะมีปัญหาในองค์กรของตัวเอง
แต่วันนี้มารับฟังปัญหา..ข้อเท็จจริงขององค์กรตำรวจก็แล้วกันนะคร้าบบบ....

.........................

เรื่องหลอกลวงในโลกของตำรวจ

เรื่องหลอกลวงในโลกของตำรวจ : โลกตำรวจ โดยผศ.ดร.ปนัดดา ชำนาญสุข


              “สถิติอาชญากรรมมันลดลงตลอดแบบนี้ คุณจะของบประมาณ ขออัตรากำลังคนเพิ่มได้ยังไง และในความเป็นจริงมันก็ไม่ใช่ด้วย” นายตำรวจใหญ่แสดงความเห็นต่อเพื่อนๆ น้องๆ ที่นั่งอยู่ในที่นั้น

              “พวกเราทุกคนก็รู้กันอยู่เต็มอกว่า มันไม่ใช่ตัวเลขที่แท้จริง สถิติไม่ได้ลดลง แต่ในเมื่อฝ่ายบริหารไม่พร้อมที่จะให้ผู้ปฏิบัติรายงานตัวเลขตามสภาพความเป็นจริง...ฝ่ายบริหารรับความจริงไม่ได้ ทุกอย่างมันก็จะเป็นอยู่อย่างนี้...ไม่มีอะไรดีขึ้น” ความคิดเห็นต่างๆ พรั่งพรูด้วยความรู้สึกอัดอั้นตันใจที่ไม่แตกต่างกันมากนักกับบทบาทของการ “จัดทำรายงานสถิติให้ดูสวยงาม”

              อีกทั้งตัวเลขที่สวยงามเหล่านี้เป็นกลไกในการชี้เป็นชี้ตายตำรวจผู้ปฏิบัติงาน ถึงแม้ว่านายจะรู้อยู่เต็มอกว่า กระบวนการดังกล่าวเป็นเรื่องหลอกลวง “ก็แต่งแต้มให้มันสมเหตุสมผลหน่อยรักษาหน้านายด้วย” นายตำรวจพูดด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความจำเป็นต้องปฏิบัติตามธรรมเนียม ที่ใครๆ ก็ปฏิบัติกันมา ถึงแม้ทุกคนรู้อยู่เต็มอกว่าไม่ควรทำและไม่อยากทำ แต่ก็มีความจำเป็นต้องทำ พร้อมทั้งโยนลูกให้นายเป็นผู้แก้ปัญหา “ทุกอย่างขึ้นอยู่กับนายว่าต้องการยังไง สั่งมาเถอะผู้ปฏิบัติทำได้ทุกอย่างอยู่แล้ว” คำพูดประชดประชันของตำรวจผู้ปฏิบัติ

              วัฒนธรรมการทำบัญชีแยกเล่ม ถึงแม้ว่าจะดีกว่าการไม่รับคดีก็ตาม แต่ก็ทำให้ระบบการบริหารจัดการและการเข้าใจถึงสภาพความรุนแรงของปัญหาของผู้บริหารระดับสูงขาดประสิทธิภาพและนำมาซึ่งความล้มเหลวในการกำหนดนโยบายและมาตรการต่างๆ เช่น การบริหารจัดการทรัพยากร งบประมาณและกำลังคนที่เหมาะสมกับสภาพความรุนแรงของปัญหาถูกมองข้ามไป

              อย่างไรก็ตาม ท้ายที่สุดแล้วผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดก็ยังคงเป็น “ตำรวจผู้ปฏิบัติงาน” ที่ต้องทำงานตามสภาพปัญหาที่แท้จริงในพื้นที่ท่ามกลางความขาดแคลนและข้อจำกัดต่างๆ มากมายและนี่เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดข้ออ้างถึงความจำเป็นต้องหาเงินนอกระบบมาทำงานเพื่อให้งานมีประสิทธิภาพ? “หัวหน้าสถานีคนไหนมีคุณธรรมมีจริยธรรมก็ดีไป ถ้าไปเจอประเภทนักวิ่งนักธุรกิจ ทีนี้แหละไปดูได้ ตำรวจในโรงพักมันมึนกันหมดแหละ สุดท้ายคนที่ได้รับผลกระทบก็ประชาชน”

              อีกไม่นานภาวะไร้พรมแดนจะเกิดขึ้นในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน สิ่งที่ตามมาคือ ปัจจัยเอื้อต่อการเกิดอาชญากรรมย่อมมากขึ้นด้วย ไม่เพียงเฉพาะจำนวนครั้งของการเกิดอาชญากรรมที่มากขึ้นเท่านั้น หากแต่ความซับซ้อนของการก่ออาชญากรรมย่อมมากขึ้นด้วย นั่นหมายถึง ความจำเป็นของสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่จะต้องทำให้รัฐบาลให้ความสำคัญต่อการจัดสรรทรัพยากรต่างๆ ที่เหมาะสม เพื่อให้ประสิทธิภาพในการบำบัดทุกข์บำรุงสุขแก่ประชาชน (ซึ่งเป็นหน้าที่ของตำรวจไทย) เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ หรือว่ารัฐบาลไทยก็มีวัฒนธรรมไม่แตกต่างจากองค์กรตำรวจ คือนิยมสั่งแห้งเช่นเดียวกัน!

              ครึ่งทศวรรษที่ผ่านมานี้ ประชาชนคนไทยส่วนใหญ่รับรู้ว่า...

              หากขโมยขึ้นบ้านหรือรถจักรยานยนต์หาย อย่าหวังว่าจะได้ตัวคนร้าย หรือได้ของคืน “แค่ขอให้พนักงานสอบสวนมาดูที่เกิดเหตุยังอ้อนวอนแล้วอ้อนวอนอีก” มิใช่ว่าจะตำหนิเพ่งโทษพนักงานสอบสวน แต่พนักงานสอบสวนเองก็หมุนรอบทิศทางจนไม่รู้ว่าจะเริ่มไปตรงไหนก่อนดี “ขนาดได้ค่าตอบแทนเพิ่มขึ้นกว่าแต่ก่อนยังไม่อยากจะอยู่กันเลย พนักงานสอบสวนที่มีโอกาสขอย้ายออกหมดแหละ” พนักงานสอบสวนระดับ สบ 3พูดถึงสถานการณ์ที่สะท้อนถึงความกดดันของภาระงานในกลุ่มพนักงานสอบสวน

              การไปแจ้งความที่สถานีตำรวจของประชาชนก็มิได้ไปด้วยความหวังที่จะได้ตัวคนร้ายหรือได้ทรัพย์สินคืน หากแต่เป็นการแจ้งความไว้เพื่อมิให้คนร้ายนำทรัพย์สินเช่น รถจักรยานยนต์ ไปกระทำผิดแล้วส่งผลกระทบต่อตนเองในอนาคตเพียงเท่านั้น ก็แสดงให้เห็นว่า ความรู้สึกเชื่อถือศรัทธาของประชาชนที่มีต่อการทำงานของตำรวจลดน้อยลงเรื่อยๆ “เดี๋ยวนี้แค่หวังว่าขโมยมันไม่กลับมาขโมยซ้ำอีกยังหวังไม่ได้เลย”

              ผู้นำตำรวจจะยังปล่อยให้ศรัทธาของประชาชนเสื่อมถอยลงเรื่อยๆ โดยไม่พัฒนาหรือแก้ไขระบบการบริหารจัดการบ้างเลยหรือ? หากไม่ทำเพื่อลูกน้องผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ก็โปรดทบทวนผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อประชาชนด้วยเถิด!

...................................

บ่องตง....สถิติคนเจ็บคนตาย..ช่วง ๗ วันอันตรายนั้นน่ะ....เป็นของปลอมคร้าบบ
ไอ้ที่ว่าตายลดลงทุกๆปีน่ะ..เพราะป้องกันดีน่ะ...โกหกตอแหลคร้าบบบ....แต่งตัวเลข
กันทุกเทศกาลแร่ะคร้าบบบ.....


บรรยากาศการประชุมของข้าราชการไทย




นโยบายที่ไม่เข้าท่า...ให้รถเมล์วิ่งช่องทางด่วนเลนขวา
เพื่อให้รถเมล์ไปได้เร็วกว่ารถชาวบ้าน....ถนนลาดพร้าว
เคยทำมาแล้วสมัยหนึ่ง...ลุงธีเจอมากับตัวเอง....