วันศุกร์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ไม่สายเกินกว่าที่จะเริ่ม.............

                                                            

                                                             ไม่สายเกินกว่าที่จะเริ่ม

                        ชีวิตการตกปลาของผมได้เริ่มต้นขึ้นแล้วครับ    หลังจากที่กล้าๆ  กลัวๆ  อยู่ตั้งนาน  ไอ้ที่ว่ากลัวไม่ใช่กลัวปลาใหญ่ไล่งับหรอกนะครับ   แต่มือใหม่อย่างผมกลัวอับอายขายขี้หน้าบรรดาน้องๆมือเก่าทั้งหลาย   กลัวเขาจะหัวเราะเยาะเอาว่าอายุปูนนี้แล้ว  40  ขวบปีแล้วเพิ่งจะมาหัดจับคันเบ็ดตกปลากับเขา   มัวไปงมโข่งอยู่ที่ไหน   แต่จะทำยังไงได้ละครับก็ใจมันชอบนี่นา   ครั้นนึกถึงตอนเด็กๆ  อายุราว 8-9 ขวบ  ผมเคยไปปักเบ็ดไว้ตามทุ่งนา   พอตกกลางคืนกลับมานอนฝันหวานเร่งเวลาอยากให้เช้าตรู่เร็วๆ  จะได้รีบไปยลโฉมว่าจะได้ปลาอะไรบ้าง  ทุกอย่างยังติดตาตรึงใจอยู่ไม่รู้คลาย   ไม่มีอะไรสายเกินกว่าที่จะเริ่ม อายุเป็นเพียงตัวเลข  ฝรั่งเขาไม่เห็นถือกันเรื่องอายุเลย  ปลอบใจตัวเองเสร็จก็จัดแจงหาหนังสือเกี่ยวกับการตกปลามาอ่าน  ว่างๆก็แกล้งทำเป็นไปวิ่งออกกำลังกายแล้วแอบไปดูเขาตกปลากันที่สะพานพระราม 7  ใกล้บ้าน

                        ปัญหาตามมาก็คือ  ผมจะซื้อรอกอะไรดี  ขนาดใหญ่หรือเล็ก  แล้วคันละจะเอายาวกี่ฟุต  จะเอาแข็งหรืออ่อนอย่างไร   จะเล่นระดับราคาเท่าไหร่   และอะไรๆอีกหลายๆ อย่าง รู้สึกว่าจะว้าวุ่นไปสักพักเหมือนกัน ก็ประเภทรักพี่แต่เสียดายน้องทำนองนั้นนั่นแหละครับ   ในที่สุดก็เลยตัดสินใจเลือกซื้อชุดสปินนิ่ง 1 ชุด  ตัวรอกเป็นของไดว่า  รุ่น บีจี.20   ส่วนคันเบ็ดเป็นของลูมิส รุ่น ทวินซุปเปอร์  ยาว 8 ฟุต  ผมไม่อยากได้คันยาวไปกว่านี้ กะให้วางท้ายรถได้พอดี   เผื่อออกต่างจังหวัดเจอะเจอหมายดีๆ  จะได้นำออกมาผ่อนคลายอารมณ์ได้เลย

                       และแล้ววันแห่งการรอคอยก็มาถึง  ผมจำได้ว่าเป็นวันเสาร์ที่ 20 ธันวาคม 2540   ผมกับครอบครัว  มีภรรยา  และบุตรอีก 2 คน  ก็เดินทางไปถึงหมายธรรมชาติลักษณะเป็นแม่น้ำขนาดใหญ่ชื่อว่าแม่น้ำเจ้าพระยา  ก็ที่สะพานพระราม 7  นั่งไงครับ  ไปถึงเวลาประมาณ 16.30 น.  กว่าจะประกอบคันเบ็ดเสร็จก็ใช้เวลาไปประมาณครึ่งชั่วโมง  ทำเวลาได้นานพอสมควรสำหรับมือใหม่อย่างผม  ได้คันฝรั่ง 1 ชุด  พร้อมคันชิงหลิวอีก 2 ชุด  คันชิงหลิวเป็นของลูกสาวชื่อ น้องนุ่น  ผมเรียกเจ้าสวายนุ่น เพราะเธอเพิ่งจะอายุ 7 ขวบ  แต่ทำน้ำหนักตัวได้ถึง 35 กก.   กำลังน่ารับประทาน   ส่วนเจ้าลูกชายชื่อ  น้องนนท์  อายุ 3 ขวบ  ผมเรียกว่าเจ้าชะโดหัวเหม็น เพราะป่วยบ่อยมาก  10  วันสระผมครั้งเดียวหัวจึงเหม็นดีจริงๆ   เพียงไม่ถึง 10 นาที หลังจากลงเบ็ดเสร็จ  ผมก็หันไปเจอเจ้าลูกชายกำลังนั่งยองๆเอาสองมือดึงสาวสายเอ็นขึ้นมาจากน้ำ  โดยที่ไม่ยอมบอกใครเลย  เขาสงสัยว่าทำไมสายเอ็นมันดิ้นได้จึงดึงขึ้นมาดู  ผมจึงเดินเข้าไปดูใกล้ๆ ปรากฏว่าเห็นปลาตัวเล็กๆติดเบ็ดขึ้นมา เป็นปลาเกร็ดสีเงิน ตัวเท่า 2 นิ้วมือ  ที่ปลายหางมีสีแดงทางขวาง  ถามคนแถวนั้นเขาบอกว่าเป็นปลาตะเพียนหางแดง   อีกสักพักหนึ่งเจ้าสวายลูกสาวก็ได้ปลาแบบเดียวกันขึ้นมาอีก  1  ตัว  โตหน่อยก็ประมาณ 3 นิ้วมือเห็นจะได้  ลูกๆ ดีใจกันมาก ผมเองก็มีความสุขมากที่มาออกทริพครั้งนี้ครั้งแรกไม่เสียเที่ยว  ถึงแม้จะเป็นปลาเล็กแต่มันก็ทำให้หัวใจของผมพองโตได้เหมือนกัน  มันเป็นความสุขที่เกิดขึ้นอย่างประหลาด

                        ต่อจากนั้นอีกประมาณครึ่งชั่วโมง  คันชิงหลิวของเจ้าชะโดหัวเหม็นก็ถูกสายลากลงไปใต้น้ำอีก  พอยกขึ้นมาดูปรากฏว่าเป็นปลาดุกไซ้สเล็กๆที่แอบมางาบเอาเบ็ดที่หุ้มด้วยไส้เดือนเอาไว้    ตกลงวันนั้นได้ปลา  3  ตัว  เป็นฝีมือของลูกๆทั้งนั้น   ส่วนตัวผมตกแบบหน้าดินใช้ขนมปังร้อยพวงมาลัย   ปลามันยังไม่กล้ามาชิม  เอาไว้ทำความรู้จักคุ้นเคยกับผมให้มากกว่านี้อีกสักหน่อย  แล้วมันจะมาเยือน  ปลามันกระซิบบอกผม...........แล้วผมจะรอวันนั้น.

                                                                                 ลุงธี  ทำดี.........

..........................................................................................................
นี่ไงครับเรื่องสั้นที่ผมบอกว่าจะไปค้นหามาลงให้..............เขียนไว้เมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว.....ได้อรรถรสไหมครับ...ติ-ชมกันได้นะครับ....ผมไม่ได้ตัดต่อหรือตกแต่งเลยแม้แต่ตัวอักษรเดียว......เป็นอารมณ์ที่เขียนไว้เมื่อครั้งในอดีตจริงๆ  คร้าบบบบบบบบบบบบบบบบบบ......
                                                                                    ลุงธี.....

ลูกสาว  ....ลูกชาย....และเพื่อนของลูกชาย...
                                                                                                      





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น