วันอังคารที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ทบทวนความคิด...................

                                  ทบทวนความคิด......ครับใช่....อยู่ๆผมก็นึกแว๊บขึ้นมาได้ว่าน่าจะบันทึกความคิดของตัวเอง..........เอาไว้ในบล๊อกนี้สักกะหน่อย.........มันเป็นความคิด  ทัศนคติ    แนวทางการดำเนินชีวิต   ของตัวกระผมที่ถูกสั่งสมมาตั้งแต่เด็ก   โดยได้รับมาจาก...พ่อ+แม่......ครู+อาจารย์.....พี่+น้อง....เพื่อน+ฝูง.......สภาพแวดล้อม.................แล้วตกผลึกหรือกลั่นออกมาเป็นตัวของกระผมไปจนวันตายครับ........
                                1. ผมคิดว่าทุกชีวิตที่เกิดมาในโลกแห่งนี้....อยากจะทำความดีด้วยกันทุกคน.....จะอยากทำมาก...หรืออยากทำน้อย....ก็แตกต่างกันไป.....ผมคิดว่าการทำความดีถ้าทำพอสมควร...ไม่มากไม่น้อยเกินไปก็จะเป็นการดีที่สุด.......เพราะถ้าทำมากจะเกิดการนินทาตามมาว่าอยากดัง.....ถ้าทำน้อยหรือไม่ทำเสียเลยก็จะถูกตราหน้าว่าเป็นคนไม่ดี...........
                                2. ผมคิดว่าเรื่องการอยู่ยงคงกระพันนั้น....ปัจจุบันนี้...ไม่น่าจะมีแล้ว...เช่นสวมพระเครื่อง + ตะกรุด  + เครื่องลาง + ของคลัง + สักยันต์ +ฯลฯ ..........แล้วใช้ปืนยิงไม่ออก..ใช้มีดฟันหรือแทงไม่เข้า......ผมว่าไม่มีแล้วล่ะ....เรื่องการลองเอาวัตถุที่ศักดิ์สิทธ์ข้างต้นมาทดลองใช้ปืนยิงนั้นผมถามคนที่เคยลองต่างก็บอกว่ายิ่งกระจุยตลอด......ไม่มีเหลือ.......ส่วนคนที่บอกว่ายิงไม่ออกดูลักษณะการพูดการจาแล้วเชื่อไม่ค่อยได้...เพราะส่วนมากจะเป็นคนปากหมาน หรือปากหวาน...ซึ่งโบราณว่าย่อมเชื่อบุคคลเหล่านั้นไม่ได้อยู่แล้วครับ.......ไอ้ที่เห็นในทีวีว่า......กลุ่มคนที่มีอาจารย์องค์เดียวกันมารวมตัวกันในวันคล้ายวันเกิดของอาจารย์.....แล้วค่อยๆพากันทยอยควบคุมตัวเองไม่ได้วิ่งไปแล้วก็ถูกจับให้สงบนั้น...ไม่ค่อยจะมีน้ำหนักสักเท่าไหร่...........เรื่องการทรงเจ้าเข้าทรงแล้วทุบทำร้ายตนเองเลือดไม่ไหล...แทงลิ้นทะลุไม่เป็นไร.............การวิ่งลุยไฟในเวลาอันรวดเร็ว....ก็เป็นเรื่องที่สามัญชนฝึกฝนได้...........
                              3. ผมคิดว่าตอนนี้ผมเตรียมตัวมีชีวิตอยู่ในขั้น"เตรียมตัวตาย" แล้ว.......กล่าวคือ พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ว่า...ทุกชีวิตต้องมีการ...เกิด - แก่ - เจ็บ - ตาย .... ตัวผมเองผ่านมาถึงขั้นที่ 2 คือถึงขั้นแก่แล้ว (อายุ 53 ปี) ขั้นต่อไปก็คือการเจ็บป่วยและตาย.....เพราะฉะนั้นทำอย่างไรเมื่อตายไปแล้ว...จะได้ให้คนที่ยังมีชีวิตอยู่พูดถึงเราในด้านที่ดีให้มากกว่าด้านที่ไม่ดี.......ผมจึงพยายามทำความดีให้เพิ่มมากขึ้นกว่าปกติ....สิ่งที่ไม่ดีที่เคยทำ   เช่น   การเที่ยวเตร่..+  ดื่มเครื่องดองของเมาแบบดื่มไม่เป็น   +  การมีเมียน้อย   +   การเล่นการพนัน   +  การโกหกตอแหล  +   การนินทาให้ร้าย  +  การอิจฉาริษยา   +  การยุ่งเรื่องของคนอื่น   +  การแต่งตัวใช้สินค้าแพงๆ   +  การใช้จ่ายฟุ่มเฟือย   +  การอู้งานหรือไม่ขยันทำงาน   +  ฯลฯ  ...........ผมจึงพยายามละและเลิกให้หมด...........
                                  4.ผมคิดว่า  "ทำดี...ไม่มีภัย"  ความคิดนี้เกิดจากการที่ผมมีอาชีพทำงานด้านการรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง....ได้รับรู้รับทราบ.....ได้เห็นมามากแล้วว่า.....บรรดาพวกคนร้าย หรือ ผู้ต้องหา  ที่ถูกจับได้นั้น   ส่วนมากจะเป็นคนที่ไม่ดี...ทำแต่ความไม่ดี...เช่น ไปลักเอาทรัพย์สินคนอื่นเขามาก็ถูกจับกุมคุมขังไว้ไปใหนไม่ได้ไม่มีอิสระถูกทำโทษ...คนที่ไปฆ่าเขาต่อมาก็ถูกญาติเขาตามมาฆ่าล้างแค้น.... ..ก็นับว่าเป็นภัยต่อตัวเอง...เป็นต้น ....มันจะอยู่ในวังวนอย่างนี้ซะส่วนมาก.......ดังนั้นถ้าพวกเราพยายามทำแต่ความดี...อยู่ในแวดวงของคนดี...ภัยก็จะไม่ค่อยเกิดกับตัวเรา...........หรือเกิดก็น้อยที่สุดหรือไม่ค่อยจะรุนแรงมากนัก.....คร้าบบบบบบบบบ..........
                                   5.เรื่องคำนำหน้าชื่อแสดงเพศของผู้หญิง........ที่กฎหมายปัจจุบันให้ผู้หญิงที่มีสามี   หรือมีบุตรแล้ว....ใช้คำนำหน้าว่า" น.ส."  นั้น  ตัวผมคิดว่าไม่สมควร   เพราะคำว่านาง กับ นางสาว ความหมายก็บ่งบอกอยู่ในตัวแล้วว่าตนเองมีบุตรและสามีแล้ว   หากยังใช้คำว่า นางสาว ทั้งๆที่มีบุตรและสามีแล้ว จะทำให้สังคม.....ผู้คน....ประชาชน.....ชาวบ้านร้านตลาด.....สับสนงงงวยไม่เข้าใจในสถานภาพของหญิงคนนั้น.........ของเดิมนะดีแล้ว....หรือถ้าจะเปลี่ยนก็เปลี่ยนไปใช้แบบดั้งเดิมของชนชาวไทยคือนาย สำหรับชาย นางสำหรับหญิง   ไม่ต้องมี  ด.ช.    ด.ญ.    หรือ น.ส.............
                                   6.เรื่องโลกร้อน.....ผมคิดว่าเป็นเรื่องจริงและเป็นเรื่องใกล้ตัวเรามาก.......อีกไม่กี่ปี  ...เมื่อป่าไม้ถูกบุกรุกถูกตัดทำลาย........ต่อไปน้ำทะเลจะหนุนสูงเพราะน้ำแข็งขั้วโลกละลาย......จากนั้นจะทำให้น้ำท่วมกรุงเทพมหานคร และท่วมภาคกลางของประเทศไทย ... ...สำหรับภาคอีสานจะปลอดภัยเพราะเป็นที่ราบสูง...........
                                    7.เรื่องมนุษย์ต่างดาว..หรือสิ่งชีวิตจากดาวดวงอื่น.....ผมคิดว่ามีจริง...เพราะมองไปบนท้องฟ้าดวงดาวมีมากมายเหลือเกิน............แต่พวกเราชาวโลกจะพบเห็นประสบได้เมื่อไหร่นั้น.......มันแล้วแต่จังหวะ....ตัวผมเองก็อยากมีชีวิตอยู่เพื่อดู...เพื่อพบ....เพื่อเห็น.....เพื่อได้รับรู้เรื่องราวดังกล่าวก่อนตาย.........
                                    8.เรื่องพลังงาน.....ผมคิดว่ามนุษย์เราจะต้องค้นพบพลังงานอื่นมาทดแทนพลังงานจากน้ำมัน...ทดแทนจากพลังงานไฟฟ้า....ทดแทนจากพลังลม...ทดแทนจากพลังแสงอาทิตย์.....ซึ่งพลังงานที่ว่านั้นจะสามารถนำมาใช้กับยานพาหนะขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ได้....เพื่อทำการขนส่งคนและสิ่งของได้แทนรถยนต์....เป็นพลังงานสะอาด.....ไม่เป็นมลพิษ........เมื่อถึงเวลานั้นหากเราต้องการเดินทางจากบ้านไปยังที่ใดก็เพียงขึ้นไปนั่งบนยานบิน....กดปุ่มเลือกสถานที่ที่จะไป......แล้วมันก็จะพาเราเหาะเหินบินไปอย่างเงียบๆโดยที่เราไม่ต้องทำอะไร.....คอมพิวเตอร์จะนำทางเราไปจนถึงจุดหมายปลายทางเอง.......ยานทุกลำก็จะสับหลีกกันเองบนอากาศตามเส้นทางการบินที่คอมพิวเตอร์จัดการให้มัน.........พวกเราก็นอนหลับไปอย่างเดียว......สะดวกสบาย...........
                                     9.ผมคิดว่าการออกกำลังกายเป็นวิธีการหนึ่งที่จะทำให้ร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์....ห่างไกลจากโรคภัยไข้เจ็บ....เป็นการยืดอายุของมนุษย์ได้ดีกว่ายารักษาโรค.........การวิ่งหรือเดินเร็วๆเพื่อให้เหงื่อออกมากๆ  เป็นการออกกำลังกายที่ดีที่สุดของผม ....... เพราะไม่ต้องลงทุนอะไรมาก...มีรองเท้า + ถุงเท้า สักหนึ่งคู่ก็ใช้ได้แล้ว....ผมคิดว่าผมมาอยู่อำเภอวานรนิวาส  นับว่าเป็นโชคดีของผม  เพราะที่นี่มีการรวมตัวกันทำกิจกรรมวิ่งเพื่อสุขภาพบ่อยมาก......ผู้นำก็คือทางคุณหมอสาธารณสุขทั้งหลายซึ่งกลายเป็นนักวิ่งตัวยงกันแทบทุกคน  .... ทั้งหญิงและชาย  ผมจึงมีเพื่อนๆนักวิ่งเยอะแยะ ไม่เหงา  ....เพราะการวิ่งจำเป็นมากที่จะต้องมีเพื่อนร่วมวิ่ง  หากวิ่งคนเดียวแล้วผมมักจะขี้เกียจครับ.......ผู้ที่จุดประกายหรือเริ่มเป็นผู้นำในการดำเนินกิจกรรมนี้ของ จว.สกลนคร ก็คือ...ท่าน ทพ.ดร.สุขสมัย....กระผมขอปรบมือดังๆให้...คนดีคนนี้.........คร้าบบบบบบบบบบบบบบ
                                     10.วิธีแก้ไขป่าเสื่อมโทรมให้กลับมามีต้นไม้อุดมสมบูรณ์เช่นในอดีตที่ดีที่สุด...ผมคิดว่าไม่จำต้องลุยป่าเข้าไปปลูกต้นไม้หรอกครับ....เพราะการออกข่าว + เตรียมการ ในการปลูกต้นไม้กลางป่าต้นน้ำนั้น....จะต้องมีการตัดถนนหรือบูรณะทางเข้าไปยังบริเวณจัดงาน  ทำให้ป่าถูกทำลายทางอ้อม....วิธีที่ดีที่สุดคือห้ามมนุษย์ หรือห้ามคนนี่แหละครับ....ไม่ให้เข้าไปในป่าสักระยะเวลานานประมาณ 30 ปี ผมเชื่อว่าธรรมชาติจะช่วยซ่อมแซมตนเองได้  ต้นไม้มันจะเติบโตพัฒนาตนเองจนกลับกลายเป็นป่าได้ดังเดิมครับ....และถ้าเป็นไปได้ให้ปิดถนนทุกเส้นที่ตัดผ่านป่าครับ....
                   
                                 วันนี้.... เอาไว้เพียงแค่นี้ก่อนนะคร้าบบบบบ......คิดได้เพิ่มเติมก็จะมาเขียนลงเก็บไว้อีกครับ....คิดว่าเป็นการเก็บไว้กันลืมก็แล้วกัน     .......คร้าบบบบบ





ลุงธี กับ แฮรี่......เล่นกับหมา..หมาเลียปาก.........


ตัวเล็กชื่อแฮกเกอร์...ตัวใหญ่ชื่อตาล (ตายแล้ว).........




น้องนุ่นพาแฮกเกอร์ + ตาล .......ไปอึ...ฉี่......เดินเล่น






กินข้าวชามเดียวกัน........ยังทะเลาะกัน...........(หมา+คน เหมือนกัน)..........







ท่ายอมแพ้...ของแฮรี่................






แฮรี่...บิดขี้เกียจ..........................







แต๋วกำลังเสริมหล่อให้แฮกเกอร์...................







ลุงธี..กับเจ้าตาล....................






แฮกเกอร์........และแฮรี่.....ขอเล่นมั่ง....................






เจ้าตาล...........รักเพื่อนจริงๆเลย.............






อาบน้ำให้แฮกเกอร์...แฮรี่รอต่อคิว.........เจ้าตาลไม่อยู่สงสัยไปเที่ยวสาว....





ยายสมใจ บุรี....แม่ของคุณนายแต๋ว...กำลังเก็บผัก........






เจ้าตาล....ชอบช่วย..................






แฮรี่....ขี้เหร่เด๊ะ...............






ตาล....รูปหล่อ......สาวติดตรึม.........







แฮกเกอร์...ผมก็หล่อนะ....แต่หล่อยังไม่เสร็จ.........






ผู้ดูแลครอบครัว.....ดูแลทั้งคนและสัตว์...คุณแต๋ว..........








                                  

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น